1. 11 เทคนิคป้องกันหลัง รถโดนน้ำท่วม
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งที่เจ้าของรถทุกคนกังวลคงหนีไม่พ้นน้ำท่วมฉับพลันทำให้รถโดนน้ำท่วมที่เกิดขึ้นได้แทบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีปัญหาระบายน้ำล่าช้า รถที่จอดทิ้งไว้เพียงไม่กี่นาทีก็อาจกลายเป็นรถที่ถูกน้ำล้อมรอบจนขยับไม่ได้ ยิ่งสำหรับเจ้าของรถมือใหม่แล้ว
ประสบการณ์แบบนี้ไม่เพียงทำให้เครียด แต่ยังสร้างความเสียหายที่ต้องซ่อมด้วยงบประมาณสูง หากรู้วิธีป้องกันล่วงหน้าและเตรียมตัวอย่างถูกต้อง ก็สามารถลดความเสี่ยงได้มาก บทความนี้จึงรวบรวม 14 เทคนิคป้องกันหลังรถโดนน้ำท่วมที่นำไปใช้ได้จริง ทั้งก่อนล่วงหน้าและขณะเกิดเหตุ เพื่อช่วยให้รถของคุณปลอดภัยขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในอนาคต
หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเป็นอันดับแรก การป้องกันรถโดนน้ำท่วมที่ดีที่สุดคือการไม่ขับรถเข้าสู่พื้นที่เสี่ยง หากรู้ว่าเส้นทางที่ต้องไปมีประวัติน้ำท่วมเป็นประจำ ควรวางแผนเดินทางใหม่ หรือใช้เส้นทางอื่นแทน GPS หลายแอปมีฟีเจอร์แจ้งเตือนพื้นที่น้ำท่วม ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน
สังเกตระดับน้ำก่อนขับเข้าไปเสมอ หากจำเป็นต้องผ่านจุดที่มีน้ำขัง ควรหยุดรถเพื่อตรวจสอบระดับน้ำก่อน หากน้ำสูงเกินครึ่งล้อหรือเกินธรณีประตู ให้หลีกเลี่ยงทันที เพราะโอกาสที่น้ำจะไหลเข้าสู่ห้องเครื่องหรือห้องโดยสารมีสูงมาก และอาจทำให้เครื่องยนต์ดับกลางทางได้ ส่วนเรื่องรถโดนน้ำท่วม ซ่อมได้ไหมก็สามารถซ่อมได้ หากไม่มั่นใจว่ารถน้ำท่วมดูยังไงก็สามารถถามช่างได้
ปิดระบบแอร์ก่อนลุยน้ำ การเปิดแอร์ระหว่างขับลุยน้ำอาจทำให้พัดลมแอร์ดูดน้ำเข้าไปจนเกิดความเสียหายต่อระบบไฟ ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ก่อน โดยปรับไปที่โหมดลมธรรมดาแทน เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบไฟฟ้าด้านหน้าเสียหายจากละอองน้ำ ส่วนเรื่องน้ำท่วมรถพังไหมก็ต้องมาให้ช่างดูอีกทีเพื่อความมั่นใจ
ขับรถด้วยความเร็วต่ำและรอบเครื่องคงที่ ระหว่างลุยน้ำควรขับช้า ๆ ด้วยรอบเครื่องที่นิ่ง การเร่ง-เบรกบ่อย ๆ จะทำให้น้ำกระเด็นเข้าห้องเครื่องมากขึ้นอาจจะทำให้รถจมน้ำได้ รวมทั้งทำให้รถเกิดอาการแฉลบ ควรใช้เกียร์ต่ำ (L หรือ 1) ในเกียร์ออโต้ เพื่อให้รถมีแรงดันเครื่องยนต์ที่เหมาะสม
รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ น้ำท่วมทำให้ระบบเบรกทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ การเว้นระยะเพิ่มจากเดิม 2–3 เท่าจะช่วยป้องกันการเบรกกะทันหัน รวมถึงช่วยหลีกเลี่ยงคลื่นน้ำจากรถคันหน้าที่จะกระแทกรถของคุณจนเกิดความเสียหายกับระบบไฟใต้ท้องรถ ทำให้รถโดนน้ำท่วมเสียหายมากขึ้น
หลีกเลี่ยงการหยุดรถกลางน้ำโดยเด็ดขาด หากรถหยุดนิ่งกลางน้ำ เสี่ยงที่น้ำจะไหลย้อนเข้าไปในท่อไอเสียและเครื่องยนต์จนดับได้ทำให้คุณต้องกังวลเลยว่ารถโดนน้ำท่วม ซ่อมได้ไหม หากต้องลุยน้ำ ควรขับต่อเนื่องไปจนถึงพื้นที่แห้ง และห้ามเร่งคันเร่งจนเกินจำเป็น เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ดูดน้ำเข้าไป ส่วนเรื่องรถน้ำท่วมดูยังไง ควรจะให้ช่างดูให้จะดีกว่า
ห้ามสตาร์ทรถทันทีหากรถดับกลางน้ำ นี่คือข้อผิดพลาดใหญ่ที่สุดของคนใช้รถมือใหม่ เพราะการสตาร์ทซ้ำจะทำให้เครื่องยนต์ดูดน้ำเข้าไปจนเครื่องพัง เรียกว่าเป็นกรณีรถโดนน้ำท่วมแบบไม่สามารถซ่อมได้ ต้องยกเครื่องใหม่ ควรเข็นรถไปยังที่ปลอดภัย แล้วเรียกช่างหรือรถยกตรวจสอบก่อนเสมอ
ตรวจสอบห้องเครื่องทันทีเมื่อถึงพื้นที่แห้ง เมื่อขับผ่านน้ำท่วมจนถึงพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ควรเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจสอบน้ำที่อาจค้างอยู่บริเวณกรองอากาศ ท่อทางเดิน และระบบไฟ หากพบความชื้นผิดปกติ ควรผึ่งให้แห้งก่อนใช้งานต่อ เพื่อป้องกันการลัดวงจรหรือดูดน้ำเข้าระบบ ส่วนเรื่องน้ำท่วมรถพังไหม สามารถถามช่างได้เลย
ตรวจเช็กน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ หลังลุยน้ำ หลังรถโดนน้ำท่วม ควรดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องมาดูว่ามีสีเหมือน “กาแฟใส ๆ” หรือไม่ หากเห็นลักษณะนี้แสดงว่าน้ำเข้าไปในระบบแล้ว ต้องรีบเปลี่ยนถ่ายทันที ส่วนระบบเกียร์ก็เช่นเดียวกัน หากน้ำเข้า จะทำให้เกียร์ลื่นหรือพังได้โดยไม่รู้ตัว เรียกว่ารถโดนน้ำท่วม ซ่อมได้ไหมก็จะขึ้นกับกรณี หรือความเสียหายที่เกิดขึ้น หากใครที่สงสัยว่ารถน้ำท่วมดูยังไงก็สามารถถามช่างได้เลย
ทำความสะอาดระบบเบรกทันที เมื่อเบรกโดนน้ำ รถจมน้ำ ความฝืดของผ้าเบรกจะลดลง ทำให้ประสิทธิภาพเบรกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ควรทดลองเบรกเบา ๆ ในพื้นที่แห้ง เพื่อให้ความร้อนช่วยไล่น้ำออกจากผ้าเบรกและจานเบรก รวมถึงฟังเสียงผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพราะปัญหาที่ว่าน้ำท่วมรถพังไหมจะขึ้นกับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั่นเอง
ตรวจสอบกลิ่นอับในห้องโดยสาร รถจมน้ำจากการที่รถโดนน้ำท่วม น้ำอาจเข้าสู่ห้องโดยสารจากพื้นหรือขอบประตูโดยไม่รู้ตัว หากปล่อยทิ้งไว้นานจะเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ ควรเปิดประตูทุกบาน เปิดแอร์โหมดไล่ความชื้น ใช้เครื่องดูดน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ซับ และตากแดดอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง
2. สรุปรถโดนน้ำท่วมแก้ไขยังไง?
หลังรถโดนน้ำท่วม อย่าสตาร์ทรถทันที เพราะจะทำให้น้ำถูกดูดเข้าเครื่องยนต์ ควรเรียกรถยกไปให้ช่างตรวจสอบก่อน เช็กน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ระบบไฟ และห้องโดยสาร หากมีน้ำปนหรือกลิ่นอับต้องถ่ายของเหลวและทำความสะอาดทันที ล้างใต้ท้องรถและตรวจระบบเบรก เพื่อขจัดโคลน สิ่งตกค้าง และป้องกันสนิม พร้อมประเมินความเสียหายก่อนใช้งานต่อ
สำหรับท่านใดต้องการบันทึกเบอร์ช่างไว้ แต่ไม่รู้ว่าช่างที่ไหนบริการดีและไว้ใจได้ ท่านสามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้ที่ FACEBOOK : ซ่อมรถฉุกเฉินนอกสถานที่ หรือโทรติดต่อสอบถามได้ที่ 099-274-6575 เพราะเรามีช่างมากประสบการณ์ ไว้ดูแลคุณยามเกิดเหตุการณ์รถเสียได้เป็นอย่างดี
บทความแนะนำ
บริการซ่อมรถฉุกเฉิน Wiriyaservice ช่วยคุณได้ทุกเวลา ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องลากรถ! บทความนี้มีคำตอบ
